เทพเฮอร์เมส

ประวัติความเป็นมาก็มีอยู่ว่า เทพเมอคิวรี่หรือเฮอร์เมส Hermes เป็นเทพแห่งการสื่อสารและการพูดของเทพตำนานกรีก เป็นบุตรของเทพซุส (Zeus) กับ มายาหรือไมอา (Maia) เฮอร์เมสชอบสวมหมวกปีกกว้าง และสวมรองเท้าที่มีปีก ถือไม้เท้าที่มีงูพัน เป็นผู้ประดิษฐ์พิณขึ้นเป็นคนแรก โดยใช้เอ็นวัวขึงกับกระดองเต่า และไปมอบให้กับเทพอะพอลโล (Apollo) และเป็นคนแรกที่จุดไฟได้โดยเอาไม้สองท่อนมาสีกัน  มีภรรยาถึง 12 คน เช่นเดียวกับที่เขามีลูกหลายคนด้วย

                                               

เฮอร์เมสเป็นโอรสของซุส เฮอร์เมสน้องของอะพอลโล กล่าวว่า พระองค์ถือกำเนิดตอนรุ่งอรุณ พระองค์เกิดได้เพียงวันเดียวก็ไปขโมยฝูงวัวของอะพอลโล สุริยะเทพผู้เป็นพี่ชายเสียแล้ว (เทวดาฝรั่ง อุบัติขึ้นเป็นโอปปาติกะ คือ โตขึ้นทันที) จึงแสดงนิสัยมักได้ออกมาทันที ซุสผู้บิดาต้องบังคับให้เฮอร์เมส คืนฝูงวัวอพอลโลไป แล้วยังสั่งให้เฮอร์เมสมอบพิณทำด้วยกระดองเต่าซึ่งเฮอร์เมสได้        ประดิษฐ์ขึ้งเองมอบเป็นของขัวญให้แก่อะพอลโลไปด้วย

         เฮอร์เมสเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเทวดาองค์อื่น เพราะมีของวิเศษประจำตน คือ หมวกวิเศษ ไม้เท้าวิเศษ กับข้อเท้าติดปีกทั้ง 3 แห่ง ปีกนั้นทำด้วยไม้จันทร์ พระองค์จึงเสด็จไปมาอย่างรวดเร็วแบบลัดนิ้วมือเดียว มารดาของเฮอร์เมส(ดาวพุธ)  มีพระนามว่า มายา เป็นธิดาของแอตลาสผู้มีพละกำลังและมีหน้าที่แบกโลกอยู่

เทพเมอคิวรี่นี้มีรูปร่างงามสง่า เช่นเดียวกับอพอลโล ชาวกรีกและโรมัน ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการค้าขาย และเป็นเทพผู้ปกปักรักษา บรรดานายพาณิชย์ทั้งปวง อีกหน้าที่หนึ่งคือ ทรงเป็นผู้นำทางเฮรัลด์ ผู้นำวิญญาณมนุษย์ไปสู่ยมโลก อาณาจักรแห่งความตาย

เทพเมอคิวรี่ มีชื่ออีกนามว่า เฮอร์เมส เทพเฮอร์เมสมีพรรณนาไว้ในคัมภีร์ของฝรั่งว่า ทรงมีปีกที่ข้อเท้าสองข้าง ทำให้สามารถไปไหนมาไหนได้รวดเร็ว และยังมีความสามารถทางการฑูตอีกด้วย

อย่างเมื่อคราวที่ฮาเดส ลักพาพระนางเพอร์ซิโฟนี ธิดาสาวของดีมิเตอร์ เอาลงไปอยู่ด้วยกันยังใต้พิภพ

พระนางดีมิเตอร์ทรงเสียใจ ไม่ยอมทำอะไรนอกจากกระเซอะกระเซิงไปตามที่ต่างๆ เพื่อหาบุตรสาวของนางจนทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารในโลกให้เหี่ยวเฉา พืชที่ปลูกไม่ขึ้น สัตว์เลี้ยงก็ล้มตายด้วยการขาดอาหาร มนุษย์เดือนร้อนมาก ความทราบถึงเทพซุส จึงทรงส่งใครต่อใครไปปลอบโยน พระนางดีมิเตอร์ทรงตรัสว่า พระองค์จะไม่ดูแลพืชผลของโลกอีกต่อไป ถ้าไม่ได้พบกับธิดาของพระองค์ ไม่มีใครทำสำเร็จ ที่สุดเทพซุส จึงส่งเฮอร์เมส ลงไปใต้พิภพ เพื่อขอเจรจากับฮาเดส ฮาเดสต้องปฏิบัติตามคำสั่งซุส โดยส่งเพอร์ซิโฟนี่กลับขึ้นไป แต่มีข้อแม้ว่าพระนางจะต้องผลัดเวียนอยู่กับมารดาและยมโลกทุกๆ ปี

            เฮอร์เมส นำ เพอร์ซิโฟนี่ ขึ้นรถม้าสีดำ รีบพากลับคืนสู่ตำหนักของเดมิเตอร์ทันที เมื่อพระนางเดมิเตอร์ดีใจที่ได้พบธิดา ต่อมาพืชพันธุ์ธัญญาหารในโลกก็กลับอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง

และในปีหนึ่งๆ เมื่อเปอซิโฟน ต้องกลับไปสู่ยมโลกเป็นเวลา 4 เดือน อันเป็นฤดูหนาว พืชพันธุ์บนโลกก็จะเหี่ยวแห้งในระยะนั้น       เฮอร์เมส ดังประวัติกล่าวไว้แล้วว่า เมื่อเกิดขึ้นมาวันแรกก็ไปขโมยฝูงวัวของอพอลโลผู้พี่ชายทันที ดังนี้พระองค์ในสมัยต่อมาได้รับฉายาว่าเป็น "เจ้าแห่งโจร" และขณะเดียวกันก็นิยมยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการค้าขาย และยังเป็นเทพเจ้าแห่งตลาด ทรงมีหน้าที่คุ้มครองพ่อค้าโดยตรง

             พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งสวรรค์ภูเขาโอลิมปัส ซึ่งก็เช่นเดียวกับเทพเจ้า 12 พระองค์อันเป็นพี่น้องกัน